tag:blogger.com,1999:blog-36005633824103791632024-03-05T00:31:42.860-08:00TaTaeZ Aquarium WorldWelCome To Aquarium WorldTataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.comBlogger13125tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-44966285911752118042010-02-06T09:01:00.001-08:002010-02-06T09:01:44.571-08:00fdsfsdfsdTataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-11129699765250679992010-01-24T03:24:00.001-08:002010-01-24T03:24:30.248-08:00Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-46167627450102386322010-01-23T08:32:00.001-08:002010-01-25T02:22:32.655-08:00ปลาจ๊าบมาอีกแล้วววหายไปหลายวันครับ กลับมาคราวนี้มีปลามาแนะนำตัวสองตัวครับ ไม่ต้องพูดมากแล้วดีกว่า ไปชมกานเลยครับ<br /><br />ตัวแรกเลยครับ ปลาสวยๆ แถมยังพ้นน้ำได้อีกด้วย เราจึงเรียกมันว่า ปลา เสือพ้นน้ำ<br /><br />ปลาเสือพ่นน้ำ (Archer Fishes) เป็นปลาในอันดับ (Order) Perciformes วงศ์ (Family) Toxotidae พบอยู่ทั้งหมด 6 ชนิดด้วยกัน<br />ซึ่ง ปลาในวงศ์นี้มีลักษณะที่แตกต่างจากปลาในวงศ์อื่นๆ คือ ปลาเสือพ่นน้ำจะมีลำตัวที่แบนลึกข้างค่อนข้างมาก ขอบหลังไล่ตั้งแต่ช่วงครีบไปจนถึงหางมีลักษณะเกือบเป็นเส้นตรง ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษในกลุ่มปลาที่อาศํยอยู่บริเวณผิวน้ำ ปากมีขนาดใหญ่และมีลักษณะเฉียงลงลึก ครีบหลังและครีบก้นอยู่ค่อนไปทางด้านท้ายลำตัว พื้นลำตัวทางตอนบนจะมีสีออกเขียวอมเหลืองและจะจางเป็นสีเงินบริเวณใต้ท้อง ข้างลำตัวจะมีจุดสีดำแต้มอยู่ ซึ่งจุดจะมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับชนิดของมัน<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgvcbiQhUSXl_Kh8ZqoEggeg3VlnYp-al2ftuplAKiuC2JuDCP72CIvSitD2a_zOr7FyBCsj1cGpPMbfD8XcxlomZfVS0LR25H9LRtykdstAdqQUgJrvYAKcuFXnzb0C8Ffhc2yWi2ngDM/s1600-h/16-20040524161021.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 155px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgvcbiQhUSXl_Kh8ZqoEggeg3VlnYp-al2ftuplAKiuC2JuDCP72CIvSitD2a_zOr7FyBCsj1cGpPMbfD8XcxlomZfVS0LR25H9LRtykdstAdqQUgJrvYAKcuFXnzb0C8Ffhc2yWi2ngDM/s320/16-20040524161021.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430288935651302242" border="0" /></a><br />ในประเทศไทยพบปลาเสือพ่นน้ำถึง 3 ชนิด<br />ปลาเสือพ่นน้ำมีวีธีหาอาหารที่ มีรูปแบบเฉพาะตัว คือ มันจะใช้วีธีพ่นน้ำใส่แมลงที่เกาะกิ่งไม้หรือใบไม้บริเวณผิวน้ำให้ตกลงในน้ำ หลังจากนั้นแมลงก็จะตกเป็นอาหารของมัน<br />เมื่อปลาเสือพ่นน้ำพ่นน้ำออกไป โดยการปิดฝาปิดเหงือกอย่างทันที น้ำในช่องเหงือกจะถูกดันให้ออกมาทางปากทีละหยดๆต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆจนกว่า เหยื่อจะตกลงมา การพ่นน้ำทีละหยดๆอย่างต่อเนื่องทำให้เรามองเห็นน้ำพุ่งเป็นสายออกมาจากปาก ปลาเสือพ่นน้ำ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjg_T4FZDiVdi3sM0sT295Ig_5k8Si3Zou2FcoG6yOKG4ZraxDbl7jR3BeF0smXidMdcUAC8_3dE5Wn76PL2rktjt3CoNYlq6jxY75eIJiQ92G5RFPSdCkrHHlDbS7xyYymUrauDnRTShw/s1600-h/16.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 239px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjg_T4FZDiVdi3sM0sT295Ig_5k8Si3Zou2FcoG6yOKG4ZraxDbl7jR3BeF0smXidMdcUAC8_3dE5Wn76PL2rktjt3CoNYlq6jxY75eIJiQ92G5RFPSdCkrHHlDbS7xyYymUrauDnRTShw/s320/16.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430289048730126642" border="0" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfNhJsLR0kk04R0jiNGNhqupxjmP3MPq2xXop1x_jPtu4myu-JcaO6GoNYiXhyft2zHrkLSwGtBsCDLkb3hyv4tjuoypkIrgMRFg2sToCGufXYKIzaxUunBLUJUCrqAFA86ckphptvzic/s1600-h/16-20040524161056.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 259px; height: 235px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfNhJsLR0kk04R0jiNGNhqupxjmP3MPq2xXop1x_jPtu4myu-JcaO6GoNYiXhyft2zHrkLSwGtBsCDLkb3hyv4tjuoypkIrgMRFg2sToCGufXYKIzaxUunBLUJUCrqAFA86ckphptvzic/s320/16-20040524161056.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430289175605393570" border="0" /></a> มิใช่ว่าปลาเสือพ่นน้ำทุกตัว จะใช้วิธีล่าเหยื่อแบบนี้เสมอไป การพ่นน้ำเพื่อล่าเหยื่อนั้นทำได้จริงๆกับพวกปลาเสือพ่นน้ำที่โตเต็มที่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าตัวที่ยังโตไม่เต็มที่จะพ่นน้ำไม่ได้ ทุกตัวสามารถพ่นน้ำได้หมดแต่ระยะทางของน้ำที่พ่นออกไปในตัวยังเล็กก็จะพ่น น้ำออกไปได้เพียงแค่ 10 เซนติเมตร ในขณะที่ตัวเต็มวัย จะสามารถพ่นน้ำได้ไกลถึงเกือบ 2 เมตร<br /><br />มีข้อสังเกตุอีกอย่าง คือ หากว่าในแหล่งน้ำที่ปลาเสือพ่นน้ำอาศัยอยู่ หรือ ในตู้เลี้ยง ที่มีอาหารให้มันเพียงพอ พวกมันจะไม่แสดงพฤติกรรมการพ่นน้ำ เพราะโดยธรรมชาติปลาเสือพ่นน้ำจะกินพวก แมลง และสัตว์ตัวเล็กๆตามผิวน้ำ เช่น ปลาเข็ม หรือลูกปลา<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1K2iNs5KeRSqSwdI7yPikGTrYQepejuRoEiLkalU8Y5ZzlfGEdFtukxaMV2MPEWQ6k0uJUA7Lm4NMv6nSKbXbzEFMBj8Xglpo7Il5xbk720X23uh_PjfIydYyobZwyLbUzF2YYr6Erv0/s1600-h/16-20040524161145.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 181px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1K2iNs5KeRSqSwdI7yPikGTrYQepejuRoEiLkalU8Y5ZzlfGEdFtukxaMV2MPEWQ6k0uJUA7Lm4NMv6nSKbXbzEFMBj8Xglpo7Il5xbk720X23uh_PjfIydYyobZwyLbUzF2YYr6Erv0/s320/16-20040524161145.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430289372419265074" border="0" /></a><br />ากปลาเสือพ่นน้ำ พ่นน้ำใส่เหยื่อของมันแล้วเหยื่อมันก็ไม่ร่วงซักทีมันก็มีอีกวิธีหนึ่งที่จะ เอาแมลงเคราะห์ร้ายมาลงท้่องของมัน คือ มันจะดีดตัวพุ่งขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อใช้ปากของมันงับเหยื่อเคราะห์ฺร้าย ตัวนั้น โดยมันสามารถโดดได้สูงถึง 1 ฟูตเลยทีเดียว แต่วิธีนี้ปลาเสือพ่นน้ำไม่ค่อยนิยมใช้ซักเท่าไหร่<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhE95NpIUzdy0z0JUvGSmzUdfYzFzYnmUZvwq58FVxYmi_7gOzQMbddFrXnL_QzoWgF8g4l1Ba9aKEihAwLrk7aHHqPl0d8lHtP46wMbff3kaos2cQ3UoxeQUumFYZVCgGxVlkKYvruAyA/s1600-h/16-20040524161307.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 285px; height: 250px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhE95NpIUzdy0z0JUvGSmzUdfYzFzYnmUZvwq58FVxYmi_7gOzQMbddFrXnL_QzoWgF8g4l1Ba9aKEihAwLrk7aHHqPl0d8lHtP46wMbff3kaos2cQ3UoxeQUumFYZVCgGxVlkKYvruAyA/s320/16-20040524161307.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430289989364657074" border="0" /></a><br /><br />ปลาเสือพ่นน้ำ บางชนิดเมื่อโตเต็มที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 40 เซนติเมตร ในขณะที่สายพันธุ์็ที่พบอยู่ในประเทศไทย มีขนาดเมื่อโตเต็มที่อยู่ที่ประมาณ 15 เซนติเมตร<br />การแพร่พันธุ์ ปลาเสือพ่นน้ำจะว่ายออกมาในเขตแนวประการังเพื่อออกมาวางไข่ จำนวน 20,000 - 150,000 ฟอง เมื่อลูกปลาออกจากไข่ก็จะอาศัยอยู่ในเขตป่าชายเลน<br />ปลาชนิดนีั้มีราคาไม่แพง และเป็นปลาที่มีนิสัยแปลกๆ น่าจะหามาติดตู้ไว้นะครับ รับรองว่่าเพลินแน่<br /><br />ตัวต่อไป เป็นขาโหดบ้างครับ ใครชอบเลี้ยงปลาแปลกไม่รู้จักไม่ได้ครับ สำหรับคนที่ไม่เคยเลี้่ยงปลา จะแนะนำให้รู้จักกับ อัลลิเกเตอร์ หรือ ปากไอ้เข้<br /><br />ปลา อัลลิเกเตอร์ หรือ ปากไอ้เข้<br />ชื่อทางการว่า Atractosteus spatula<br />ถิ่นอาศัย อเมริกาเหนือ และ ใต้ (อเมซอน)<br />สภาพแวดล้อม น้ำจืด อุณภูมิ 28-30 องศา ท้องน้ำกว้างๆ<br />อาหาร สัตว์น้ำทุกชนิดที่เล็กกว่าปากมัน อาจยกเว้นพวก เต่า<br />ขนาด โตเต็มที่ 3 เมตร หนักราว 130 กิโลกรัม<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh2WRiUqQv1QcWeEyB_n-232QHRhmDsZqpRTQRnx1jgo8uBbK9DKlM1XH_9hKpYHGBZBcde9J06Pcfj51NzhT80p7pRqGVwe04Ol_Cyqv8qSRTutOB346neTh0h5oW3gywc0sEzy7NjU48/s1600-h/72.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 213px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh2WRiUqQv1QcWeEyB_n-232QHRhmDsZqpRTQRnx1jgo8uBbK9DKlM1XH_9hKpYHGBZBcde9J06Pcfj51NzhT80p7pRqGVwe04Ol_Cyqv8qSRTutOB346neTh0h5oW3gywc0sEzy7NjU48/s320/72.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430290904024611090" border="0" /></a><br /><br />ปลา อัลลิเกเตอร์ เข้ามาบ้านเรานานมากแล้ว มีลักษณะเด่นที่ปากคล้ายจรเข้มาก มีฟันแหลมคม และ ขากรรไกรอันทรงพลัง ทำให้ชาวบ้านที่เจอเข้าใจผิดคิดว่าจระเข้ นิยมเลี้ยงกันในบ่อ หรือ ตู้ใหญ่ๆ เพราะมันโตเร็วมาก<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNzQmgAdCMUnsnws_XDxbPGnge0bG1idgoh47INdqNf3K7eQUwvTtkg00MOzpz_xLghA4n2exSxhWaEucof4zggkuGJGWeV8i4PuTOVBizxjKkCwTgXBjJ8no_rDhPDAHKTw6j9j-8AAM/s1600-h/72-20060413011707.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 213px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNzQmgAdCMUnsnws_XDxbPGnge0bG1idgoh47INdqNf3K7eQUwvTtkg00MOzpz_xLghA4n2exSxhWaEucof4zggkuGJGWeV8i4PuTOVBizxjKkCwTgXBjJ8no_rDhPDAHKTw6j9j-8AAM/s320/72-20060413011707.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430291179764740722" border="0" /></a><br />การเลี้ยงดูไม่ยากเย็นนัก อาหารเป็นพวก ลูกปลา ลูกกุ้งตลอดจน เนื้อปลา เนื้อกุ้ง ทั่วไป ไม่นิยมเลี้ยงรวมกับแทงค์เมท ที่มีขนาดเล็ก กว่า เพราะปลาตัวนี้นิสัยค่อนข้างดุร้าย กัดไม่เลือก หรือ บางทีก็กินเลย คนทางอเมริกา นิยมใช้ปลาพวกนี้ เป็นเกมส์ตกปลา ล่าเหยื่อด้วยความเร็วสูง ชอบลอยตัวนิ่งๆพอเหยื่อมาไกล้ก็ ฮุบเต็มๆ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKHBjlwhY5TQ-eJ51P6ts9nxGSXwdf79PkE2tkRlKAhAKa1f0uTS4rUNTlFBlCQfg9_sxD6evCnIYUm_8MDy6dpLx07agNzet-77bTCnyNw9gwWO4qjoq0PpprkpQ5icBaTadQw-N5ncY/s1600-h/72-20060413011806.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 300px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKHBjlwhY5TQ-eJ51P6ts9nxGSXwdf79PkE2tkRlKAhAKa1f0uTS4rUNTlFBlCQfg9_sxD6evCnIYUm_8MDy6dpLx07agNzet-77bTCnyNw9gwWO4qjoq0PpprkpQ5icBaTadQw-N5ncY/s320/72-20060413011806.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430291500508225906" border="0" /></a>เนื่องจากเป็นปลาที่กินทุกอย่างที่ขนาดเล็กกว่าปาก จึงอาจจะทำให้ปลาชนิดนี้อ้วนจนเสียทรง และอาจจะเป็นอันตรายต่อปลา ผู้เลี้ยงควรจะให้อาหารแต่พอดีไม่มากหรือน้อยเกินไป<br /><br />ลองไปดูการกินเหยี่อยของมันกันนะครับ<br /><br /><object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/-pwnbn3rH88&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/-pwnbn3rH88&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object><br /><br />โหดชัดเจน<br /><br />สำหรับวันนี้ คงพอแค่นี้ก่อนนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม<br />Credit : http://www.genepoolaquarium.com/Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-80443317025929925862010-01-18T01:06:00.001-08:002010-01-25T02:23:54.841-08:00การจัดตู้ปลาแบบโปรๆวันนี้มีเป็น VDO คริป มาเสนอครับ ไปดูว่าเค้าจัดตู้ปลากันอย่างไรให้สวยงามเหมือนมืออาชืพ อิอิ<br /><br /><object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/UluX0ASs-8c&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/UluX0ASs-8c&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-59677402856415784142010-01-11T06:45:00.001-08:002010-01-25T02:25:01.063-08:00ตู้ปลาสวยๆวันนี้จะพาไปชมตู้ปลาของเพื่อนๆกันนะครับ<br /><br />ตู้แรกแปลกๆไปก่อนนะครับ<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_1gr2VXtpe1gg6bWx1Kk5tcTbC2XGzi8WtwF09V9KO4WdLPapFimiMRS98yXUL4cR9snxBFOqnYl3w6rZtULdEix7umj2Va5p4dewcGFtzIUTG-n3DZ9e_J8dEJ36jBxzcsFh21EA_Ks/s1600-h/106-20060815221808.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 182px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_1gr2VXtpe1gg6bWx1Kk5tcTbC2XGzi8WtwF09V9KO4WdLPapFimiMRS98yXUL4cR9snxBFOqnYl3w6rZtULdEix7umj2Va5p4dewcGFtzIUTG-n3DZ9e_J8dEJ36jBxzcsFh21EA_Ks/s320/106-20060815221808.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430278063068429234" border="0" /></a><br />สวยทั้งปลาทั้งตู้ครับ<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrJmi38G9zHxLQ0Tk1jBfZyuGnXuImH1t038jfWBF_fzWrDGGC9TSjv0vWzYKibVgdVa4wmSgyKw6kojeziB5g68JZkK8qZHT2aMTk8QXGpXNGlkog84Q619ZDURrbt_A7zsd2DSWWA4Q/s1600-h/106-20060815222219.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 124px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrJmi38G9zHxLQ0Tk1jBfZyuGnXuImH1t038jfWBF_fzWrDGGC9TSjv0vWzYKibVgdVa4wmSgyKw6kojeziB5g68JZkK8qZHT2aMTk8QXGpXNGlkog84Q619ZDURrbt_A7zsd2DSWWA4Q/s320/106-20060815222219.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430278280480128258" border="0" /></a><br />จัดไปยาวๆ<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTCUd68NDcaVR-CdwjqtzfRDjjQI7EudJCmr6wf_J6DVQEyRlpj_YDTRJ9baX5nmYGOzitHNw0rKIZCWQaFnOAyBwkVC6-wlFAYm-fHG7zMtWCmQ4xS5Fl-DyfcXfxZsu96yzxaHjxbZ8/s1600-h/106-20060815223500.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 214px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTCUd68NDcaVR-CdwjqtzfRDjjQI7EudJCmr6wf_J6DVQEyRlpj_YDTRJ9baX5nmYGOzitHNw0rKIZCWQaFnOAyBwkVC6-wlFAYm-fHG7zMtWCmQ4xS5Fl-DyfcXfxZsu96yzxaHjxbZ8/s320/106-20060815223500.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430278505925223490" border="0" /></a><br />นี่แนะ ฟรอนตัวโตๆกับตู้ปลาสวยๆ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8H03Sud5MFhQvUlSKcnrICG_GnVve541VvCfxB7kB-WxDEb09R3Q73S6_7fxT_vhyP94BdStgn3TlTl7KGZg6cOj7zGv6KggG919Lb4_KvSzmqMNSERN1LA8XhTgtUptBD69zw9W2LKE/s1600-h/106-20060815222845.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 170px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8H03Sud5MFhQvUlSKcnrICG_GnVve541VvCfxB7kB-WxDEb09R3Q73S6_7fxT_vhyP94BdStgn3TlTl7KGZg6cOj7zGv6KggG919Lb4_KvSzmqMNSERN1LA8XhTgtUptBD69zw9W2LKE/s320/106-20060815222845.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430278784160721250" border="0" /></a><br />อิจฉาไอนี่จัง<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpTfJugu2-QPNpW2g9gaGs5TPEHegtL-xVZTEiiwjD0fJciN20nOoBcENiCNFmd9gMn6Wb1oLjGcRxd7AiG0yt-DD7HzVA4Pr91zZkz_7D9tq8isaBOVdT-UAnqnUDZfdm4ZWiBbiofb4/s1600-h/106-20060815231231.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 196px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpTfJugu2-QPNpW2g9gaGs5TPEHegtL-xVZTEiiwjD0fJciN20nOoBcENiCNFmd9gMn6Wb1oLjGcRxd7AiG0yt-DD7HzVA4Pr91zZkz_7D9tq8isaBOVdT-UAnqnUDZfdm4ZWiBbiofb4/s320/106-20060815231231.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430279079102832322" border="0" /></a><br />ปลาจ๋าปลา<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlKH_8gs0GqsD7PQQ6OFKh-WNIdVBD13MP5r27pIj689E830Pf2MQHu9vf2sjvd7dmDTYlRjeJHT3lme6UF-7sQ_6EXJ37obx4VbsBzX0rAwRqOTgwhZznrB5HSlkxLyrQ2F7NH1bh1ig/s1600-h/106-20060815223246.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 162px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlKH_8gs0GqsD7PQQ6OFKh-WNIdVBD13MP5r27pIj689E830Pf2MQHu9vf2sjvd7dmDTYlRjeJHT3lme6UF-7sQ_6EXJ37obx4VbsBzX0rAwRqOTgwhZznrB5HSlkxLyrQ2F7NH1bh1ig/s320/106-20060815223246.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430279317623616850" border="0" /></a><br />ปิดท้ายด้วยรูปนี้เลย ต้องตั้งไว้ไกลมือเด็กนะ ไม่งั้น.... หึๆ<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghIab-XAKtuWoKdKVee9SXUeR37wbnVVw6DSxfZK0OREMyak05eUZl6D-KuFc6vfFOH1fWUux_pJQkmeyOIkKdKG8cbM6GYY3tgAWTJRrdm7Qzrj224T50uX0mR-haLPhRYrgNWvMJisQ/s1600-h/106-20060817120221.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 240px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghIab-XAKtuWoKdKVee9SXUeR37wbnVVw6DSxfZK0OREMyak05eUZl6D-KuFc6vfFOH1fWUux_pJQkmeyOIkKdKG8cbM6GYY3tgAWTJRrdm7Qzrj224T50uX0mR-haLPhRYrgNWvMJisQ/s320/106-20060817120221.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430279584994555938" border="0" /></a><br />บ๊ายบายครับไว้เจอกันใหม่คราวหน้าTataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-79530728883236032592010-01-04T00:02:00.001-08:002010-01-25T02:25:50.762-08:00การทำโครงกระดูกปลาถ้าปลาสุดที่รักของเราตาย เราจะทำไงดี ถึงแม้จะไม่มีชุบชีวิตปลา แต่เราก็มีวิธีเก็บโครงกระดูกเค้าไว้นะครับ<br /><div style="text-align: left;"><br />ทำยังไงไปชมกันเลยจ้า<br /><br />ขั้นตอนมีดังนี้นะครับ<br />1. นำปลามาแล่เนื้อออกให้ได้มากที่สุด ทั้ง 2 ข้างครับ ระวังอย่างให้กระดูซี่ครงหักล่ะ ไม่งั้นงานเข้าแน่ เอาพวกไส้ออกด้วยนะครับ ส่วนปลาตัวไหนที่มีครีบท้องที่ไม่ติดกับกระดูก(คือมันติดกับส่วนอื่นด้วย กล้ามเนื้อไม่ใช่กะดูก)ก็ตัดแยกออกมาเลย เข่น ตะเพียน,เทพา แต่ถ้าตัวไหนติดก็ให้มันติดกับโครงปลาไปก่อนครับ<br /><br />2. ขั้นนี้เราจะเอาเหงือกปลาออกนะครับ พอเราเอาออกได้แล้วก็ใช้กรรไกรตัดเนื้อที่ติดมาออกไปนะครับ เสร็จแล้วเราจะนำไปแช่ในสารละสายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(หาซื้อได้ตามร้านขาย ยาทั่วไป 3% - 6 % ) แช่ประมาณวันนึงอ่ะครับ หรือจนกว่ามันจะขาว<br /><br />3. ทีนี้เราจะเราจะแยกส่วนของกระดูกชุดที่เป็นครีบอกออกนะครับ เราลองสังเกตดูตรงส่วนที่เลยจากแผ่นปิดเหงือก มันจะมีกระดูกที่เชื่อมกันอยู่ระหว่างส่วนที่ติดกับกะโหลกกับกระดูกครีบอก สังเกตดูตรงที่มันขยับได้ต้องลองเลื่อนดู มันจะซ้อนกันอยู่เราใช้มีดค่อยๆแซะขึ้นไปทางด้านบนอ่ะครับ กระดูกที่ติดกับกะโหลกจะทับอยู่ค่อยๆแซะ พอข้างนึงหลุดแล้วก็ไปอีกข้างนึง พอหลุดแล้วเราก็แยกไว้รวมกับครีบของข้อ 1.<br /><br />4. ขั้นนี้จะเป็นการแยกหัวออกจากกระดูกลำตัวนะครับ ใช้มีดเชี่ยเศษเนื้อหรือพวกเยื่อต่างๆออกตรงบริเวณส่วนหัวเพื่อให้เห็นรอย ต่อกระดูก สังเกตข้อต่อข้อแรกซึ่งจะเชื่อมระหว่างกะโหลกกับกระดูกลำตัว มันจะโยกได้ลองดูนะครับ เมื่อเจอแล้วเราก็ใช้มีดตัดลงไป ตัดเสร็จใช้มีดค่อยๆตัดเนื้อที่ติดอยู่ออก เท่าหัวก็จะแยกออกแล้วครับ<br /><br />5. มาถึงขั้นตอนที่ยากที่สุดแล้วครับ ผมว่านะ ตอนนี้เราจะมีชิ้นส่วนที่แยกกันออกทั้งหมด 5 ชิ้นนะครับ คือ หัว เหงือก(ที่เราแช่อยู่) ชุดของครีบอก ชุดครีบท้อง กระดูกส่วนลำตัวทั้งหมด พอนึกออกป่าว เริ่มเบื่อกันยังครับ 555+ ขั้นนี้มีหลักว่า “เอาเนื้อออกจากกระดูกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” แค่นี้อ่ะครับ แต่มันไม่ใช่แค่นี้สิ 555+ เริ่มจากชิ้นเล็กก่อนก็ได้ครับ เราไม่จำเป็นต้องไปแยกชิ้นส่วนต่างๆที่ผมบอกมาแล้วนะครับนอกจากมันจะหลุดแบบ ไม่ตั้งใจ ส่วนตัวนี่เราใช้แปรงสีฟันถูๆออกก็ได้ครับ ถ้าไม่ออกก็เอามีค่อยๆกรีดเนื้อออกเอา(***ระวังกระดูซี่โครงด้วยนะ หลุดแล้วจำด้วยว่าอยู่ส่วนไหน***) ต่อมาหัว เฮ้อ......เอาตาออกก่อนครับ เอาเนื้อตรงแก้มออก เราก็ต้องเอา”เข็มเขี่ย”แคะสมองออกมา ครับพยายามเอาเนื้อออกมาให้หมดนะครับไม่งั้นเน่า เมื่อทำชิ้นส่วนไหนเสร็จแล้วเราก็นำไปแช่รวมกับเหงือกอ่ะครับ บางครั้งแช่ไปเนื้อยังออกไม่หมดก็เอาขึ้นมาเอาเนื้อออกได้อีกมันจะเปื่อย กว่าเดิม ขั้นนี้ต้องใจเย็นนะครับ<br /><br />6. ตอนนี้เหงือกเริ่มจะขาวแล้วให้นำขึ้นมาตากลมไว้ครับ แล้วก็นำชิ้นส่วนขึ้นมาตากด้วยถ้ามันขาวแล้ว เซตพวกก้านครีบต่างๆให้กางไว้ครับ จะได้สวยๆ รอจนแห้ง<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgouI6EnYzWqOhS0W3hISnuYj6YlTumMmhnhVOq0xugAxd7JZzZjSGXRYfyAQxmxbFo0ozCnIWq4y-UE5aHRgLG0US3uILrlB7HYkXUw3afwELFUuHKIjQngnjquuoRPNDcljwUC88_lbo/s1600-h/6492-20090318191040.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 240px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgouI6EnYzWqOhS0W3hISnuYj6YlTumMmhnhVOq0xugAxd7JZzZjSGXRYfyAQxmxbFo0ozCnIWq4y-UE5aHRgLG0US3uILrlB7HYkXUw3afwELFUuHKIjQngnjquuoRPNDcljwUC88_lbo/s320/6492-20090318191040.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430274797948437330" border="0" /></a></div><p style="text-align: left;">7. มาถึงขึ้นตอนการประกอบแล้วครับ เอ่อ...เหงือกนี่ไม่ต้องติดเข้าไปในกะโหลกนะครับ เริ่มจากชุดกะโหลกกับชุดครีบ ต่อกันโดยกาวตาช้าง รอแห้งค่อยต่อหัวกับตัว ส่วนครีบท้องมันไม่ได้เชื่อมกับกระดูกอะไรอยู่แล้วก็ปล่อยมันไป<br /></p><p style="text-align: left;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhsqkmSadaOirAFhvEqMuBrXbZcseLyGKqyhHPfJqwfSViFwLv_UfdXET_XaV2bb6Dosk5WwRUngC-kivq_f0S7lTsN4q2hqYYguHTC59gjbCqHQj056Rjzn0UdhMGTvUM_PgMcHAIPRuw/s1600-h/6492-20090318191352.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 240px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhsqkmSadaOirAFhvEqMuBrXbZcseLyGKqyhHPfJqwfSViFwLv_UfdXET_XaV2bb6Dosk5WwRUngC-kivq_f0S7lTsN4q2hqYYguHTC59gjbCqHQj056Rjzn0UdhMGTvUM_PgMcHAIPRuw/s320/6492-20090318191352.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430275326534485474" border="0" /></a></p><p style="text-align: left;"><br />8. ใช้แลกเกอร์พ่นทับซัก 2 ชั้นก็โอเคแล้วครับ พอแห้งเราก็หาที่ใส่ เซตครีบท้องให้อยู่ในตำแหน่งของมัน</p><p style="text-align: left;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdeSp2iPAy0ikDHfoWnhtNJkVyEpKUuSHn_XqdD41qqBY4gXtxeRtiIBSyzgBSrbSGGiz43MBQdcR9xH3PlEMVZ02Shpne_LurpbMXBkemi3m3tMBcvzUVb51q97WAlaD5ClOHNCEFccc/s1600-h/6492-20090318191215.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 300px; height: 225px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdeSp2iPAy0ikDHfoWnhtNJkVyEpKUuSHn_XqdD41qqBY4gXtxeRtiIBSyzgBSrbSGGiz43MBQdcR9xH3PlEMVZ02Shpne_LurpbMXBkemi3m3tMBcvzUVb51q97WAlaD5ClOHNCEFccc/s320/6492-20090318191215.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430275569623937938" border="0" /></a></p>เรียบ100 ครับสวยงามเหมือนมืออาชืพ<br /><br />Credit: คุณ Wolf : http://www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board1&topic=6492&action=viewTataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-85763108050331037462009-12-22T16:51:00.000-08:002010-01-25T02:27:07.151-08:00ปลาช่อนตัวละแสนมีด้วยเหรอปลา่ช่อนตัวละ100,000 แถวบ้านขายโลละ100เอง<br /><br />ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆครับ ชมรูปเอาเลยดีกว่า<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhx1wmEK2rJr9MFdJxa3hXbMWz4ot1w8RGt5sjCTTJlGRP8FYhAbWxm34X1ly9I66j5olNdKd_lW1qRWXla8L1ugNrf47hcHzR48YmP9hMcS7T31YunF8DuM7AqEW71UA_K4aT6nui3GM0/s1600-h/6764-20100124012955.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 300px; height: 199px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhx1wmEK2rJr9MFdJxa3hXbMWz4ot1w8RGt5sjCTTJlGRP8FYhAbWxm34X1ly9I66j5olNdKd_lW1qRWXla8L1ugNrf47hcHzR48YmP9hMcS7T31YunF8DuM7AqEW71UA_K4aT6nui3GM0/s320/6764-20100124012955.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430267324734717906" border="0" /></a><br />งามมั้ย<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlxjCJ8YuJghgRTZPAyMEdU44V1nng5Dyg2nt-PxGFsws2bOT0J1ESRUHADeVIlxA-Q0VKMrCLJQ8ykDwDd_-_1lJhyphenhyphenHAAAv_X2c6l71z9NcwW04HuRSQkDp4PMdHsYpy9foRQ4NawAJo/s1600-h/6764-20100124013024.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 300px; height: 199px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlxjCJ8YuJghgRTZPAyMEdU44V1nng5Dyg2nt-PxGFsws2bOT0J1ESRUHADeVIlxA-Q0VKMrCLJQ8ykDwDd_-_1lJhyphenhyphenHAAAv_X2c6l71z9NcwW04HuRSQkDp4PMdHsYpy9foRQ4NawAJo/s320/6764-20100124013024.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430267779854407026" border="0" /></a><br />อีกซักรูปครับ<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKGbnhY1XuvvxvcQI60tDLmQIhe0ByBaPfB0Nx4eUxTgXXwwIEIs4HWnKPRDqJdgSq8h9T2YHSU7anxSotLJ98pnlfEEhIJvbV3Nx7az_OrchATAgRuHXx8nDzEXG46NpG0M-U5PCJJUw/s1600-h/6764-20100124013056.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 300px; height: 199px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKGbnhY1XuvvxvcQI60tDLmQIhe0ByBaPfB0Nx4eUxTgXXwwIEIs4HWnKPRDqJdgSq8h9T2YHSU7anxSotLJ98pnlfEEhIJvbV3Nx7az_OrchATAgRuHXx8nDzEXG46NpG0M-U5PCJJUw/s320/6764-20100124013056.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5430268032753305538" border="0" /></a><br /> สำหรับปลาช่อนตัวนี้ ยังไม่มีใครสามารถบอกฟันธงบอกได้ว่าเป็นพันธ์อะไรนะครับ รู้แค่ว่่าจะต้องเป็นสุดยอดปลา ของสายพันธ์นั้นๆอย่างแน่นอน หน้าหามาติดตู้ไว้มากมายครับ ติดอย่างเดียวก็ที่ราคานี้แหละ ตัวละ 100,000 ทำไปได้Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-48476583974741978222009-12-14T02:03:00.000-08:002010-01-25T02:27:48.994-08:00tester<a href="http://nattapong017.blogspot.com/"><br /></a>Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-25315674001744105372009-12-01T01:46:00.001-08:002010-01-25T02:28:47.099-08:00วิธีลงปลาในตู้แบบถูกวิธี (ป้องกันการช็อกน้ำ)1. ขั้นแรกเตรียมปลาที่เพิ่งถอยมาแกะถุง<br />2. ขั้นต่อมาคือแช่ปลาภายในตู้ที่ต้องการจะลงปลา เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำในภาชนะที่บรรจุปลามา ให้เท่ากับน้ำภายในที่เลี้ยง ทิ้งปลาไว้ซักประมาน15-20 นาที<br />3. เทน้ำใส่ในภาชนะที่ปลาอยู่ทีละน้อย ทำไปเรื่อยๆจนคิดว่าค่าน้ำใกล้เคียงกับในตุ้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ<br />4. ขั้นตอนนี้ต้องอย่างใจร้อนนะครับ ค่อยๆเทปลาจากภาชนะที่ไส่ปลาลงไปในตู้ด้วยความใจเย็น ถ้าใจร้อนเทปลาไปอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้ปลาเครียดได้นะครับ<br />5.อย่าลืมเพิ่มอากาศเข้าไปในตู้ด้วยนะครับ เพื่อลดอาการหอบของปลา เมื่อลงปลาไปแล้วซักวันนึงก็เอาออกได้ครับ<br /><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-l0-drhP6VIZIFvgm4QVB5jPZIydMNFJehCeSb5hh88t7QVLSXBe61hYPvakfgarV6urQAiWERoFCzLFINvfWUEsTT8pi3RgEoqgc3yjVnCjwdS7k84rfEdlbU-BGsz1YKerp5SI-vAU/s1600/168-20061213161718.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 146px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-l0-drhP6VIZIFvgm4QVB5jPZIydMNFJehCeSb5hh88t7QVLSXBe61hYPvakfgarV6urQAiWERoFCzLFINvfWUEsTT8pi3RgEoqgc3yjVnCjwdS7k84rfEdlbU-BGsz1YKerp5SI-vAU/s320/168-20061213161718.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410203248893183986" border="0" /></a>Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-65345181362101716062009-12-01T01:41:00.000-08:002010-01-25T02:30:45.585-08:00ปลาแปลกๆที่ไม่ค่อยมีคนเลี้ยงครับก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าปลาเหล่านี้เป็นปลาสวยงามที่มีการเลี้ยงกันอยู่จริงๆ<br /><br />ซึ่งแน่นอนหน้าตามันไม่เหมือนปลาทอง หรือ ปลาหางนกยูงที่ทุกท่านรู้จัก<br /><br />โหด ดุ ป่าเถื่อน !! กว่า แต่ก็ถือเป็นสีสันที่สวยงามในการเลี้ยงปลานะครับ<br /><br />จะทำการแนะนำให้รู้จักก่อนซัก 4 ตัวนะครับ<br /><br />ตัวแรก ไอนี่ผมเลี้ยงอยู่ น่ารักน่าชังมากเลยทีเดียว<br /><br /><span><span style="font-size:85%;"><span style="color: rgb(255, 0, 0);">ปั้กเป้าฟาฮาก้า</span></span></span><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgYbZOZsg0i-YR66xSo7YtK6X6ivsLTDA7xi9ZjsSvJLicmZzirX3QKkXBta9FBbzNl64VWigjQ8oeB68Dmiyij4rRwufQGpSNXxqt-4Z5-PqfDkiEjeETca0XHqQPo6c09y0gAZB47_EU/s1600/5611-20080217155054.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 188px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgYbZOZsg0i-YR66xSo7YtK6X6ivsLTDA7xi9ZjsSvJLicmZzirX3QKkXBta9FBbzNl64VWigjQ8oeB68Dmiyij4rRwufQGpSNXxqt-4Z5-PqfDkiEjeETca0XHqQPo6c09y0gAZB47_EU/s320/5611-20080217155054.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410204776977836818" border="0" /></a><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">ลักษณะ </span><br />เป็นปลาทรงอ้วนป้อม ปุ้กลุกน่ารัก สีของมันสามารถเปลี่ยนไปได้ตาวสภาพอารมณ์ เช่นเพิ่งย้ายที่ใหม่ๆจะซีดขาวเป็นจิ้งจกตกน้ำเลยทีเดียวแต่ถ้าคุ้นชินกับ ตู้แล้วสีก็จะสวยมากมาก แต่ตู้ที่ควรเลี้ยงกระจกต้องเป็นสีดำ หรือไม่ก็ดำทั้งพื้นทั้งกระจกเลยครับ เพราะถ้ากระจกใส พื้นขาว ปลาจะสีสันออกโทนเขียวมากกว่า และเมื่อปลาโตขึ้น สีจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">อุปนิสัย</span><br />ขึ้นชื่อว่าปลาปั้กเป้า มันคงจะต้องโหดแน่นอนอยู่แล้วครับ คนที่หวังว่ามันจะหยุทหยิม นุ่มนิ่มแบบปลาสอด ปลาทองล่ะก็ คงต้องผิดหวังครับ เจ้าฟาฮาก้านั้นบางคนอาจจะนึกว่ามันบางตัวจะใจดีแต่นิสัยมันจริงๆนั้นเรียกได้ว่าสุดแสนจะโหด<br />ที่พูดได้เพราะผมลองโยนปลาตัวเล็กๆลงตู้มันไปแล้ว ผลสรุปว่า พอปลาลงไปในตู้ปุ้ป ฟาฮาก้าก็พุ่งขึ้นมาหาด้วยความเร็วสูง เสร็จแล้วก็งับไปที่พุงของปลาตัวนั้น เลือดฟุ้งเลยครับ ทีนี้มันก็ปล่อยให้ปลาไร้พุงลงไปนอนที่ก้นตู้ จากนั้นมันก็ตามไปเก็บแบบไม่เหลืออะไรไว้เลย ซึ่งถ้าใครจะเลี้ยงก็จะต้องเลี้ยงมันแยกเดี่ยวนะครับ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">อาหาร</span><br />ปลาปั้กเป้าฟาฮาก้าเป็นปลาที่กินง่ายมากครับ กินกุ้งฝอยเป็น/ตาย กุ้งขาว กุ้งเครฟิช ปู หอย ปลาเหยื่อ สรุปว่าเนื้อของสัตว์น้ำมันกินได้หมดครับ แต่ควรจะให้หอยบ้างนะครับ ฟันจะได้ไม่เหยิน<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">การเลี้ยง</span><br />การเลี้ยงปลาชนิดนี้ไม่ยากเลยครับ ง่ายมากมาก แค่มีอาหาร กรองดี ถ้าโตเต็มที่ตู้ใหญ่36นิ้วขึ้นไปก็ดีครับ แต่การเลี้ยงปั้กเป้าจะต้องใช้ความสามารถในการอดทนอดกลั้นต่อการให้อาหารปลา เพราะว่ามันจะขออาหารตลอดเวลา แต่ถ้าให้มากเกินไปปลาจะท้องอืดตายได้ครับ<br /><br /><br /><br /><div style="text-align: center;">ดูมันพองสู้กล้อง- -"<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoqbwSWgD3L08EOhM6n78BHkcPH9UknInDNvkW22y-Kf2aZLR_qbB3MjrP4HqGilJDhIdtsJ4l5YQymsqOaagclv8E0YSHeowlD30Pfaf5v_8oH3pGjQYHJBnEGVsb2jpnonJ1dEHyk80/s1600/272.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 300px; height: 234px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoqbwSWgD3L08EOhM6n78BHkcPH9UknInDNvkW22y-Kf2aZLR_qbB3MjrP4HqGilJDhIdtsJ4l5YQymsqOaagclv8E0YSHeowlD30Pfaf5v_8oH3pGjQYHJBnEGVsb2jpnonJ1dEHyk80/s320/272.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410205821835012738" border="0" /></a><div style="text-align: left;">ตัวต่อไปนี้ ไม่รู้จะพูดยังไงดี เอาเป็นว่าแปลกแหวกแนวแน่นอนครับ<br /><br /><span style="color: rgb(204, 0, 0);">ปลาฉนาก sawfish</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixEVd7lnYzSnDZLJ63IyLmyctqTslRlXuvbzNIEsnAQgwDkbir-MP1VFqClbR25Mj9VoiTOvA7Die6Sd3yhGOeWsxJhbN8kBy_FNXzuCMfSku8oSxl8zgwegkEIh4SwofzfrbGFmsCEeA/s1600/282-20090830034829.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 213px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixEVd7lnYzSnDZLJ63IyLmyctqTslRlXuvbzNIEsnAQgwDkbir-MP1VFqClbR25Mj9VoiTOvA7Die6Sd3yhGOeWsxJhbN8kBy_FNXzuCMfSku8oSxl8zgwegkEIh4SwofzfrbGFmsCEeA/s320/282-20090830034829.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410208456419133250" border="0" /></a><br /><br />ปลาฉนากจัดอยู่ในประเภทปลากระดูดอ่อนที่มีขนาดใหญ่ และมีรูปร่างคล้ายฉลามครับ เพราะมีซี่กรองเหงือก5ซี่เหมือนปลาฉลาม สีผิวมีสีเทาอมเขียว หน้าท้องนั้นจะมีสีขาวครับ และส่วนที่ทำให้ปลาตัวนี้จ๊าบ ก็คือ อวัยวะที่อยู่ทางด้านจะงอยปากครับมีลักษณะเป็นแท่งที่แข็งและยาวถึง1ใน3ของ ลำตัวจนถึงหาง รอบแท่งอันนี้จะมีซี่ แหลมๆอยู่โดยรอบ มองดูคล้ายใบเลื่อยจึงเป็นที่มาของชื่อภาษาอังกฤษ sawfish อวัยวะอันนี้นั้นใช้ในการป้องกันตัว และใช้หาอาหารครับ ซึ่งขนาดและจำนวนซี่จะมากน้อยแล้วแต่พันธุ์ครับ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">ลักษณะ การหากิน</span><br />ปลาชนิดนี้มักจะหากินตามพื้นน้ำที่มีดินโคลนขุ่น หากินพวกสัตว์ที่อยู่หน้าดิน แบบปลากระเบนครับพบได้ในเขตอบอุ่น ตั้งแต่ทวีปอเมริกาเหนือ แอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลียทางตอนเหนือ เป็นปลาทะเลที่บางสายพันธุ์<br />เช่น ฉนากจะงอยปากกว้าง สามารถปรับตัวให้อาศัยอยู่ในน้ำจืดได้ด้วยครับ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">การขยายพันธุ์</span><br />เป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว ที่มีการผสมพันธุ์ในตัวปลาเอง ไม่ใช่แบบที่ปลาตัวเมียวางไข่แล้วปลาตัวผู้ค่อยมาฉีดเชื้อนะครับส่วนมันจะ ผสมกันยังไงอันนี้ ก็จิตนาการเอาเองแล้วกันครับ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);"> สถานะ</span><br />เป็นปลาที่อยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์เต็มทีแล้วครับ ด้วยลักษณะเด่นของมันทำให้คนที่จับมันได้ตัดเอาจะงอยปากของมันเป็นเป็นของ ตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ หรือของที่ระลึกครับ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_uXiOgzBNZu8iAbtymjEhvc57Sxwm1JPsASq2l1mI_haQnbkpt4wkCtdFxZCUc2FDkA9hrMNgn9ybVmX6O0SLdJe2f4MkggxTVcJ86dYHVmoG2289zZG-4dS0V4Aj2ncKRKdgTrIOIeU/s1600/282-20090830035652.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 240px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_uXiOgzBNZu8iAbtymjEhvc57Sxwm1JPsASq2l1mI_haQnbkpt4wkCtdFxZCUc2FDkA9hrMNgn9ybVmX6O0SLdJe2f4MkggxTVcJ86dYHVmoG2289zZG-4dS0V4Aj2ncKRKdgTrIOIeU/s320/282-20090830035652.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410209331946780210" border="0" /></a><br /><br />ตัวต่อไปเป็นปลาไทยแท้ครับ หลายท่านอาจจะเคยเห็น แต่ไม่ทราบว่ามันก็อยู่ในตู้ปลาสวยงามได้ด้วยเหมือนกัน มันคือ<br /><br /><span style="color: rgb(255, 0, 0);"><span style="font-size:85%;">ปลาเทพา (ปลาเลิม)</span></span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNr-kelaQXT6yt4e0ZuypaJcJgPgAVs4eyOkMriy-sWFgxfEjBVty9niV7efeifCEUHzrUbHjbYjDz60_9f7SlZvhovVdFwhdhoBhcem5lyXcQqpjBgXmxQZDEhhG4-yEl_dfQZSk2l0E/s1600/238.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 213px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNr-kelaQXT6yt4e0ZuypaJcJgPgAVs4eyOkMriy-sWFgxfEjBVty9niV7efeifCEUHzrUbHjbYjDz60_9f7SlZvhovVdFwhdhoBhcem5lyXcQqpjBgXmxQZDEhhG4-yEl_dfQZSk2l0E/s320/238.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410210327813292802" border="0" /></a><br /><b><span style="color: rgb(51, 51, 255);">ลักษณะ</span> </b><br />เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในจำพวกปลาไม่มีเกล็ดหรือปลาหนัง จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับปลาสวายและปลาเทโพ เป็นปลาไม่มีเกล็ดคล้ายปลาสวาย แต่ลำตัวจะสั้นกว่า มีส่วนหัวที่กว้าง แบน ใหญ่กว่า ครีบทุกครีบใหญ่ ยาว โดยเฉพาะก้านครีบแรก จะยาวเป็นเส้นออกมา ครีบไขมันมีขนาดเล็ก ลำตัวด้านบนเป็นสีดำ ช่วงใต้ลำตัวเป้นสีเงิน มีหนวดยาวพอประมาณที่ใต้ปากล่าง 1 คู่ มุมปาก 1 คู่ ใช้ในการหาอาหาร มีตาขนาดเล็ก เหนือมุมปากเล็กน้อย<br />เป็นปลากินเนื้อที่มีส่วนหัวค่อนข้างสั้นแต่มีลักษณะแบนและกว้าง มีลักษณะเด่นตรงที่มีก้านครีบอันแรกของครีบหลัง ครีบอก และครีบท้อง มีขนาดใหญ่และยื่นยาวเลยครีบออกไปมาก จึงดูสง่างามในเวลาว่ายน้ำมากกว่าปลาชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน<br /><br /><b><span style="color: rgb(51, 51, 255);">พฤติกรรม</span><br /></b>รักสงบ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ปกติจะว่ายน้ำตลอดเวลา<br /><br /><b><span style="color: rgb(51, 51, 255);">อาหาร </span><br /></b> ลูกกุ้ง ลูกปลา เนื้อสัตว์ อาหารสำเร็จรูป ได้แก่ซากสัตว์ที่ตายลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่ลูกปลาขนาดเล็กมักชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่และอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำนิ่ง กินแมลงน้ำ และสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร<br /><br /><b><span style="color: rgb(51, 51, 255);">การเลี้ยงดู</span> </b><br />ปลาเทพาชอบน้ำที่ใสสะอาดมีการไหลเวียนอย่างดี มีพื้นที่ในการว่ายในตู้มาก เนื่องจากปลาจะว่ายตลอดเวลา คล้ายปลาฉลามอาจใส่เครื่องพ่นน้ำ ให้ปลาว่ายทวนน้ำอยู่กับที่ก็ได้<br />สามารถเลี้ยงรวมเป็นฝูงหลายๆตัวได้<br />ปลา เทพาในธรรมชาติจะกินซากสัตว์ที่ลอยน้ำมา หรือจับปลา กุ้งขนาดเล็กเป็นอาหาร ในที่เลี้ยงปลาจะกินอาหารได้หลายชนิดทั้งลูกปลาลูกกุ้งเป็นๆ หรือเนื้อสัตว์หั่นเป็นชิ้นๆ ปลาขนาดเล็กจะชอบกิน ไส้เดือนน้ำ ไรทะเล และฝึกให้กินอาหารสำเร็จรูปได้ดี เป็นปลาที่มีประสาทรับกลิ่นดี เพียงแค่อาหารถึงน้ำ หนวดทั้ง 4 เส้นจะกางออกและควานหาอาหารในทันที ปลาจะกินครั้งละมากๆ จนท้องกางออกมาเห็นได้ชัดเจน<br /><br /><br /><div style="text-align: center;">ตัวเล็กๆน่ารักมากมายครับ<br /></div><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwhpFerucepyIU4y2E64uCgN1UNMGq9OqZFAjmfo1N4RUfzim1od5lzuqr34YTOJtFA7aR80hlwWOM-JKtTr9PHgTqrfbViBJCqAI3kM8-TDQJcaMi7mmzQLLg-CznnnZWV4w4YBgjHII/s1600/238-20080315010358.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 242px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwhpFerucepyIU4y2E64uCgN1UNMGq9OqZFAjmfo1N4RUfzim1od5lzuqr34YTOJtFA7aR80hlwWOM-JKtTr9PHgTqrfbViBJCqAI3kM8-TDQJcaMi7mmzQLLg-CznnnZWV4w4YBgjHII/s320/238-20080315010358.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410210888568904850" border="0" /></a><br /><br />ตัวสุดท้ายครับ ตัวเล็กหน้ารักครับ แต่นิสัยไม่หน้ารักเลยครับ - -" โหด ดุ จิงๆ เรียกได้ว่าน้องๆ ปิรันย่าเลยอะครับ มันคือ<br /><br /><span style="color: rgb(204, 0, 0);">เปคูแดง (ปลาคู้แดง)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgfktRZkatZePRJ0W6OH-zbJwchfCys4arVGAmI7iukJyXCtf8xfqusoIouQPOsXQ2p6oxMePvIadE7d8yF9BvUxn4mu8RzzFKqjYnwMaVx1uscLrlx0qogCkrAp5QTWmk6_CYP4AAvnaQ/s1600/244-20080428163603.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 240px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgfktRZkatZePRJ0W6OH-zbJwchfCys4arVGAmI7iukJyXCtf8xfqusoIouQPOsXQ2p6oxMePvIadE7d8yF9BvUxn4mu8RzzFKqjYnwMaVx1uscLrlx0qogCkrAp5QTWmk6_CYP4AAvnaQ/s320/244-20080428163603.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410213732357923042" border="0" /></a><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">ลักษณะของปลา</span><br />ลักษณะทั่วไปของปลาคู้แดง มีลำตัวแบนข้าง ส่วนท้องกว้าง บางชนิดมีจุดสีน้ำตาลและสีดำ บางชนิดข้างลำตัวส่วนล่างสีขาว, สีเหลืองและสีชมพู แล้วแต่ละชนิดแตกต่างออกไป<br />โดยปกติมีขนาดตั้งแต่ 15-25 ซม. (6-10 นิ้ว)<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilE4ccdFX5y2LdLSVCRN39h46qxNF5ZFpo0bO3Vx-LcTn4vqEEl5crYES72mz4DQ_s8re2SmDlIURF0IBMWdJPzcdiowt7e8SRMfpHsxbaThdSBPOddt-VtUO99dqJ3nSS-sSraKZOqdk/s1600/244-20080428162507.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 256px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilE4ccdFX5y2LdLSVCRN39h46qxNF5ZFpo0bO3Vx-LcTn4vqEEl5crYES72mz4DQ_s8re2SmDlIURF0IBMWdJPzcdiowt7e8SRMfpHsxbaThdSBPOddt-VtUO99dqJ3nSS-sSraKZOqdk/s320/244-20080428162507.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410213928816899234" border="0" /></a>ฟันมีความคมเรียงกันเป็นแถวเดียวบนขากรรไกรทั้ง 2 ข้าง ฟันเหล่านั้นจะเรียงตัวกันแน่นเป็นระเบียบและเชื่อมต่อกัน เพื่อใช้ในการกัดและฉีกอย่างรวดเร็ว ฟันที่มีลักษณะเฉพาะของมันจะมีรูปแบบเป็นทรงสามเหลี่ยม คล้ายใบมีด ฝีปากล่างยื่นออกมายาวมากกว่าริมฝีปากบน แต่เมื่อหุบปากจะปิดสนิทระหว่างกันพอดี<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">แหล่งที่อยู่อาศัยและอาหาร</span><br />ปลาคู้แดง จะชอบพื้นที่ลุ่มที่มีการระบายน้ำได้ดี แต่ก็อาศัยได้ืั้ทั้งสภาพแวดล้อมที่เป็น แหล่งน้ำไหล และ แหล่งน้ำนิ่ง ซึ่งเป็นได้ทั้งผู้ล่า และผู้กินซาก<br /><br />ปลาเปคูหรือปลาคู้แดง เป็นปลาที่ชอบอาศัยรวมกันเป็นฝูง ปลาคู้แดงจัดเป็นปลาที่ตระกะกินได้ทั้งเนื้อและพืช เมื่อเจอเหยี่อยที่เป็นอาหาร ก็จะพุ่งเข้าโจมตี อย่างรวดเร็ว แล้วรุมกัดแทะ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEib8VVSe9OmJjTXkBZI4MaCWdALL8mjn8w1_9jCuDmRGm6csCVumZa-G6IlX53BDiARoEjwy_mxD6WQvuNyvQtPJ851o-JrdmVltv4Y_1kzvcV9OLx2QYLVdn9wlIoxBMGOB5Jpr0i8m-Q/s1600/244-20080428163026.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 211px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEib8VVSe9OmJjTXkBZI4MaCWdALL8mjn8w1_9jCuDmRGm6csCVumZa-G6IlX53BDiARoEjwy_mxD6WQvuNyvQtPJ851o-JrdmVltv4Y_1kzvcV9OLx2QYLVdn9wlIoxBMGOB5Jpr0i8m-Q/s320/244-20080428163026.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410216070302567810" border="0" /></a><br />เป็นยังไงบ้างครับ หวังว่้าคงจะไม่ผิดหวังกับปลาแปลกๆที่ผมได้นำมาแนะนำนะครับ มีทั้งน่ารักๆ และดุโหดแตกต่างกันไปนะครับ แล้วโอกาศหน้าจะมาอัฟเพิ่มเติมนะครับ<br /><br /><br />บทความเหล่านี้ ได้มาจากการแข่งขับประกวดบทความ จาก http://www.genepoolaquarium.com/ ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับความรู้ดีๆ<br /><br />สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.genepoolaquarium.com/">http://www.genepoolaquarium.com/</a></div><br /><br /></div>Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-6728633545326537532009-12-01T00:21:00.000-08:002010-01-25T02:31:50.383-08:00ความรู้เบื่องต้นเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYh8cuLhIQBi-80RrbJrrwqj5BVlPInkmcHVn5vHw6TaoA4VlZwZoQMp5Kfn_4e_OcseQAwk52D7aSxGZLmzbVgGOwJi3JE8F_Tq2XZByEKLjrjt2AAW4xcVIIyggBYvsgyHLIr4Un2iQ/s1600/106-20060815224410.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 194px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYh8cuLhIQBi-80RrbJrrwqj5BVlPInkmcHVn5vHw6TaoA4VlZwZoQMp5Kfn_4e_OcseQAwk52D7aSxGZLmzbVgGOwJi3JE8F_Tq2XZByEKLjrjt2AAW4xcVIIyggBYvsgyHLIr4Un2iQ/s320/106-20060815224410.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5410195340209211106" border="0" /></a><br />การเลี้ยงปลาสวยงามในตู้ปลาจะมีปัจจัยที่สำคัญอยู่ 5 ประการนะครับ<br /><div style="text-align: left;"> คือ<br /></div>1.ที่อยู่อาศัย<br />2.สภาพแวดล้อม<br />3.ระบบกรอง<br />4.อุณหภูมิ<br />5.อาหาร<br /><br /><b style="color: rgb(51, 51, 255);">ที่อยู่อาศัย </b><br />ขึ้นชื่อว่าปลา ก็ต้องอาศัยอยู่ในน้ำนะครับ เพราะฉะนั้น คุณภาพน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงปลา น้ำที่เราจะใช้นำมาเลี้ยงปลานั้นควรเป็นน้ำสะอาดและปราศจากคลอรีน ค่า Ph ควรอยู่ที่ระหว่าง 6.5-7.5 (แล้วแต่ชนิดปลา) โดยสามารถหาได้จาก<br />1.น้ำ ประปา นำมาพักทิ้งเอาไว้ซัก 2 คืน หรือ 1 คืน(กรณีที่มีการให้ออกซิเจนตลอดเวลา) เพื่อให้คลอรีนระเหยออกไปหมด จึงสามารถนำมาใช้ได้<br />2 .ใช้น้ำกรองผ่านเครื่องกรองคลอรีน วิธีนี้สามารถนำน้ำที่ได้มาใช้ได้ทันที<br />นอก จากนี้แล้วเรื่องความสะอาดของน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ ทุกๆ 4-7 วัน หรืออย่างต่ำ ควรถ่ายน้ำอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 30% เป็นประจำจะช่วยให้ปลาแข็งแรงและสุขภาพดีเสมอครับ และหลังเปลี่ยนน้ำอาจใส่เกลือสักเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นกระบวนการแลกเปลี่ยนแร่ธาตุกับน้ำได้ดีขึ้น<br /><br /><b style="color: rgb(51, 51, 255);">สภาพแวดล้อม </b><br />ในที่นี้หมายถึงทุกๆอย่างรอบตัวปลา ตั้งแต่ขนาดตู้ ค่าของน้ำ แทงค์เมท ไปจนถึงขนาดของกรวดปูพื้นตู้ปลา ทั้งนี้ควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ และอุปนิสัยต่างๆของปลาที่จะเลี้ยงก่อนลงมือจัดสภาพแวดล้อมต่างๆภายในตู้ให้ ใกล้เคียงกับธรรมชาติของปลาชนิดนั้นๆมากที่สุด เพื่อให้ปลาที่เราเลี้ยงไม่เครียด และ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข<br /><b> หมายเหตุ* </b> การแต่งตู้-ปูกรวดจะทำให้ทำความสะอาดตู้ได้ยากขึ้นและเกิดการหมักหมมภายใน ตู้ได้ง่าย เพื่อป้องกันการสะสมของของเสียจากปลา จึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยครับ<br /><br /><b style="color: rgb(51, 51, 255);">ระบบกรอง </b><br />อย่างที่ได้กล่าวไปในขั้นต้นแล้ว คือ “คุณภาพน้ำที่ดีขึ้นอยู่กับระบบกรอง” ระบบกรองจึงเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างภายในตู้ ซึ่งมีหน้าที่หลัก คือ ช่วยลดของเสียจากน้ำและเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ซึ่งเครื่องกรองมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ทั้ง กรองในตู้(ใต้กรวด,ข้าง,มุม),กรองนอกตู้(บน,ล่าง,กรองถัง),กรองแขวน, กรองกล่อง,กรองฟองน้ำ ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้หลักการคล้ายๆกัน คือ ให้น้ำภายในตู้ไหลผ่านสับสเตรท(สารกรอง)ต่างๆ ภายในเครื่องกรอง เมื่อน้ำเกิดการเคลื่อนที่ผ่านหรือกระทบกับสับสเตรทจะเกิดฟองอากาศเล็กๆขึ้น กระบวนการนี้เองที่ทำให้น้ำแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ ระหว่างที่น้ำผ่านสับเสตรทต่างๆนั้น จะมีแบคทีเรียซึ่งอาศัยอยู่ตามสับสเตรททำหน้าที่ย่อยสลายของเสียในรูป แอมโมเนีย ให้เปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆจนกลายเป็นไนเตรท เมื่อผ่านกระบวนการทั้งหมดแล้วเครื่องกรองก็จะปั้มน้ำที่ผ่านการกรองมาเรียบ ร้อยกลับสู่ตู้ หมุนเวียนกันตลอดเวลา ซึ่งประสิทธิภาพการกรองของเครื่องกรองแต่ละชนิด อาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสับสเตรทที่ใช้ในการกรองครับ<br /><br /><b style="color: rgb(51, 51, 255);">อุณหภูมิ </b><br />โดยปกติปลาในเขตร้อนชอบอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิ ระหว่าง 25 – 30 องศาเซลเซียส และปลาไม่สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใด ฉะนั้นจึงไม่ควรนำปลาจากที่หนึ่งไปปล่อยยังอีกที่หนึ่งที่มีอุณหภูมิแตกต่าง กันมาก จึงควรมีการปรับอุณหภูมิในถุง หรือ ภาชนะที่ใส่ปลาก่อนทำการปล่อยปลา โดยปกติไม่ควรเปลี่ยนแปลงเกิน 3 องศาเซลเซียส ช่วงฤดูหนาวปลามักจะอ่อนแอและป่วยง่าย จึงควรระมัดระวังป้องกัน โดยหาอุปกรณ์ใช้ควบคุมอุณหภูมิมาติดตั้ง เรียกว่า ฮีตเตอร์ ซึ่งมีขายทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์ปลาสวยงามทั่วไป ควรตั้งให้อุณหภูมิอยู่ที่ 28 องศาเซลเซียสจะเหมาะสมที่สุดครับ<br /><br /><b style="color: rgb(51, 51, 255);">อาหาร </b><br />เนื่องจากตามธรรมชาติที่ปลาต้องหาอาหารกินเองนั้น ปลาต้องใช้ทั้งพลังงานและความอดทนกว่าจะหาเหยื่อได้ในแต่ละครั้ง และไม่ได้กินอิ่มท้องตลอดเวลาอย่างที่เราเลี้ยงนะครับ จึงควรให้อาหารพอประมาณ และอาหารที่ขับถ่ายได้ง่ายบ้าง เช่น อาหารเม็ด เป็นต้น ซึ่งการให้อาหารปลาสวยงามนั้น ควรคำนึงถึงความครบถ้วนของสารอาหารที่ปลาจะได้รับนะครับ และให้แต่พอดี อย่ามากเกินไป ให้ถือคติว่า “อดดีกว่าอิ่ม” จะปลอดภัยกว่าครับ มื้อนี้มันกินไม่ทันเขา มื้อต่อๆไปมันก็ต้องแย่งกับชาวบ้านเค้ามั่งละครับ อาจให้เพียง เช้า-เย็น หากให้อาหารปลามากเกินไปจะมีแต่ผลเสียคืออาหารเหลือและเน่าเสีย ทำให้น้ำเน่าเร็ว หรือถึงปลากินหมด แต่ของเสียที่มันขับถ่ายออกมานั้นก็เท่ากับที่กินเข้าไปแหละครับ จะทำให้น้ำในตู้เสีย(อีกแล้ว) สุขภาพปลาก็จะทรุดโทรมได้ง่ายครับ ทำให้เราต้องเปลี่ยน-ถ่ายน้ำบ่อยขึ้นครับ<br /><br />ส่วนการให้อาหารสด นั้นควรทำความสะอาดให้ดีก่อนให้ โดยการนำไปแช่ในสารละลายด่างทับทิมหรือแช่ในน้ำเกลือเข้มข้น เพื่อฆ่าเชื้อโรคเสียก่อนเพื่อป้องกันการติดโรคจากอาหาร หากเป็นสัตว์ที่มีเงี่ยงแหลมคม เช่น<br />กุ้งฝอยก็ควรเด็ด(กรี)ออกเสียก่อน เพื่อป้องกันการถูกทิ่มตำและโรคในทางเดินอาหารได้<br /><br />ทั้ง หมดที่ได้กล่าวมานั้น เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นสำหรับคนที่ต้องการจะเริ่มเลี้ยงปลาเท่านั้น ไม่ใช่หลักตายตัวแต่อย่างใด ยังมีความรู้อีกหลายๆอย่างที่จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงปลาผู้เลี้ยงต้องศึกษาชนิดและข้อมูลของปลาที่จะเลี้ยงให้ดีเสียก่อน เพราะการเลี้ยงปลา <span style="color: rgb(204, 0, 0); font-weight: bold;">ไม่ใช่แค่การนำปลามาปล่อยลงตู้ แล้วเลี้ยงดูมันแบบเดาสุ่มไปเรี่อยๆจนมันตาย<br /></span><br /><br /><br /><br />Credit : เอก (kaikem121 ) genepoolaquarium<br /><br /><span style="color: rgb(204, 0, 0); font-weight: bold;"><br /></span>Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-87244700857048836562009-12-01T00:20:00.000-08:002010-01-25T02:33:02.384-08:00ระบบกรองและการให้อากาศในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม<span><span style="font-size:85%;">อ่านแล้วอาจจะงงๆนะครับ แต่ยังไงการให้อากาศกับปลาที่เราเลี้ยงก็มีความสำคัญ จิงหยิบเอาบทความดีๆจากคุณ Rof แห่ง genepoolaquarium<br />มาให้ได้อ่านกันนะครับ<br /><br /></span></span><span style="color: rgb(51, 51, 255);">ระบบกรองและการให้อากาศในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม</span><br />กาซออกซิเจน (O2) เป็นสิ่งที่จำเป็นสูงสุดต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมทั้ง ปลา<br />คุณสมบัติของออกซิเจนต่อการเลี้ยงปลานั้นมีดังนี้<br />1 เป็นกาซที่ใช้ในการหายใจของปลาโดยตรง<br />2 มีคุณสมบัตเป็นสารออกซิไดซ์ สามารถ ออกซิไดซ์สารพิษบางตัวในน้ำได้<br />3 ช่วยในการย่อยสลายของเสียในน้ำ ในการย่อยสลายของเสียของแบคทีเรียที่ใช้ออกซิเจน<br />4 เป็นบัพเฟอร์ในน้ำสามารถควบคุม pH ได้บ้างบางส่วน<br />5 ลดการละลายของกาซอื่นๆในน้ำ เนื่องจากออกซิเจนมีความสามารถในการละลายสูงมาก<br />ใน ธรรมชาตินั้น ปลาจะได้รับออกซิเจนจากวิธีทางธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการ เพราะปลาจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำ หรือบริเวณที่มี ออกซิเจนเพียงพอ ต่อความต้องการของมัน ในแต่ละชนิด แต่การที่เรานำปลาเข้ามาเลี้ยงในตู้ปลา หรือในบ่อปลา เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีการเพิ่ม ออกซิเจน ลงไปในน้ำ เนื่องจาก ในที่กักขังนั้น น้ำ จะสามารถแลกเปลี่ยน ออกซิเจนกับ อากาศ ได้น้อยมาก เนื่องจากมีผิวสัมผัสที่น้อย และบริเวณจำกัด อีกทั้งยังมีการย่อยสลายของของเสียที่ขับออกมาจากตัวปลา ซึ่งมีขบวนการที่ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายอีกด้วย ทำให้ออกซิเจนในที่กักขังมักจะไม่เพียงพอต่อความต้องการในการดำรงชีวิตของ ปลา ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่ม ออกซิเจนลงในที่เลี้ยงปลาของเรา นอกจากนั้น เรายังสามารถเลี้ยงปลาได้ในปริมาณที่มากขึ้นอีกด้วย เมื่อเทียบปริมาตรต่อหน่วย กับในธรรมชาติ<br />วิธีการในการให้ออกซิเจนกับ ปลาในที่เลี้ยง ในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามนั้น มีหลายวิธีในการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำที่ใช้เลี้ยง การที่จะเลือกใช้วิธีใดนั้น แล้วแต่ความเหมาะสม และวัตถุประสงค์ เช่น รูปแบบ ขนาดของที่ที่ใช้เลี้ยง ก็ควรชนิด อายุ และขนาดของปลา ความหนาแน่นในการเลี้ยง เช่น ปลาบางชนิดไม่จำเป็นต้องมีการให้อากาศในน้ำเพิ่มเติม เช่นในปลากลุ่มก่อหวอด เช่นปลากัด ปลากระดี่ แม้ว่าจะเลี้ยงรวมกันเป็นจำนวนหลายตัวก็ตาม ในกลุ่มปลาหมอสีครอสบรีด ต้องการระดับออกซิเจนปานกลาง กลุ่มปลาน้ำไหล เช่นปลาซิว ปลาติดหิน ต้องการออกซิเจนในปริมาณที่สูง ส่วนปลาบางประเภทจะมีความไวต่อระดับออกซิเจนในน้ำสุงมาก เช่นปลาปอมปาดัวร์ ปลาเสือตอปลาเทวดาเป็นต้น<br /><br />1 วิธีทางเคมี โดยใส่สารเคมีที่มีการแตกตัวให้ออกซิเจนแก่น้ำ เช่นสารพวก เปอร์ออกไซด์ และ ซุปเปอร์ออกไซด์ ในท้องตลาดเรียก ออกซิเจนผง หรืออาจใช้โอโซน ซึ่งสามารถ แตกตัวเป็น ออกซิเจนได้เป็นต้น วิธีนี้มีข้อดีคือ สามารถเพิ่มออกซิเจนในน้ำได้รวดเร็ว เฉียบพลัน เหมาะกับการใช้ในกรณีฉุกเฉิน ข้อเสียคือ จะมีสารตกค้างในน้ำ เช่น แคลเซียม ซึ่งจะทำให้น้ำกระด้าง และการเพิ่มออกซิเจนในน้ำแบบเฉียบพลัน อาจเป็นอันตรายต่อปลาโดยตรงได้<br /><br />2 วิธีทางชีวะ โดยใช้พืชน้ำ เป็นตัวเพิ่มออกซิเจนให้กับแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็น สาหร่าย พรรณไม้น้ำสวยงาม หรือแม้แต่ ตะไคร่น้ำ ก็สามารถเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำได้ทั้งสิ้น แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอต่อการสร้างออกซิเจนของพืชน้ำแต่ละชนิด วิธีนี้มีข้อดีคือ พืชน้ำจะให้ออกซิเจน ในรูปแบบของ ออกซิเจนบริสุทธิ์ ไม่มีสารตกค้างใดๆ และเป็นวิธีเดียวที่สามารถ ทำให้น้ำมีออกซิเจนละลายอยู่ เกินจุดอิ่มตัวได้ ข้อเสียคือ พืชน้ำ จะให้ออกซิเจนแก่น้ำได้ ในบริเวณที่มีแสงเพียงพอเท่านั้น ส่วนในเวลาที่มีแสงไม่เพียงพอ พืชน้ำจะไปแย่งออกซิเจนจากน้ำมาแทน และการที่น้ำมีออกซิเจนละลายอยู่เกินจุดอิ่มตัว อาจทำให้ปลามีอาการผิดปกติเช่น เกิด Air bubble disease ได้<br /><br />3 วิธีกล วิธีการนี้มีหลักการง่ายๆคือ การเพิ่มพื้นที่ ผิวสัมผัสน้ำ กับอากาศ หรือเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสอากาศ กับน้ำ ให้ได้มากที่สุด และนานที่สุด เพื่อทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนจากอากาศกับน้ำได้สูงสุดนั่นเอง วิธีนี้มีข้อดีคือ สามารถให้ออกซิเจนแก่น้ำได้อย่างต่อเนื่อง ในปริมาณที่สามารถควบคุมได้ และไม่มีสารตกค้างใดๆ ส่วนข้อเสียคือ ต้องใช้พลังงานกลที่ต่อเนื่องซึ่งส่วนใหญ่จะเปลียนรูปมาจากพลังงานไฟฟ้า เช่น เครื่องแอร์ปัมพ์ เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น<br />ในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม นั้น ไม่ว่าจะเป็นในตู้ หรือในบ่อ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีกลเนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สะดวก และตอบรับกับวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงได้เป็นอย่างดี<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">การเพาะเลี้ยงปลาสวยงามในตู้กระจก </span><br />การเพาะเลี้ยงปลาสวยงามในตู้กระจกนั้น จะใช้ในการเพาะเลี้ยงปลาที่มีขนาดเล็ก จนถึงขนาดปานกลาง ทั้งนี้และทั้งนั้น ปลาดังกล่าว ต้องมีความสามารถในการปรับตัว ยอมรับ และสามารถสืบพันธุ์ในตู้กระจกได้ ปลาประเภทนี้มีมากมายหลายชนิด เช่น ปลาในครอบครัวปลาหมอสี เกือบทุกชนิด กลุ่มปลาตะเพียนขนาดเล็กเป็นต้น ซึ่งจะมีรูปแบบการให้อากาศตามลักษณะของตู้ปลา สองรูปแบบคือ<br />1) การดึงอากาศลงไปสัมผัสกับน้ำ วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมกันแพร่หลาย โดยใช้ เครื่องปัมพ์อากาศ ส่งอากาศผ่านสายยางขนาดเล็ก ผ่านหัวทรายลงสู่น้ำ หรืออาจผ่านท่อพลาสติกซึ่งติดอยู่กับระบบกรองใต้ทราย ซึ่งความสามารถในการให้ออกซิเจนแก่น้ำขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้<br />1.1 ปริมาณของฟองอากาศ ยิ่งมีปริมาณมากขึ้น ก็จะสามารถแลกเปลี่ยนกาซออกซิเจนได้ดีขึ้น<br />1.2 ขนาดของฟองอากาศ ยิ่งฟองอากาศมีขนาดเล็ก ละเอียดเท่าใด ก็จะสามารถแลกเปลี่ยนกาซออกซิเจนได้ดีขึ้น<br />1.3 ระยะเวลาและความต่อเนื่องของฟองอากาศที่สัมผัสกับน้ำ ยิ่งฟองอากาศสัมผัสกับน้ำนานเท่าใด การแลกเปลี่ยนกาซก็จะเกิดมาขึ้นตามไปด้วย ปกติ ฟองอากาศขนาดเล็กจะอยู่ในน้ำได้นานกว่าฟองขนาดใหญ่<br />1.4 อุณหภูมิ ออกซิเจน มีความสามารถในการละลายในน้ำที่มีอุณหภูมิสูง น้อยกว่าในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำ<br />ใน ระบบการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามขนาดใหญ่ จะนิยมใช้ปัมพ์ลมขนาดใหญ่เพียงตัวเดียว แล้วเดินท่อพีวีซีขนาดเล็ก ไปตามแนวที่วางตู้ปลา แล้วต่อสายยางลมขนาดเล็กลงสู่ตู้ปลาโดยมีวาวล์ปรับความแรงลมขนาดเล็ก ไว้ควบคุมทุกๆจุดที่ต่อสายยาง<br />2) การดึงน้ำขึ้นมาสัมผัสกับอากาศ วิธีนี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการให้อากาศในตู้ซึ่งจะมีหลักการแบบเดียวกับวิธีแรก แต่วิธีการต่างกัน การให้อากาศแบบนี้ นิยมใช้กับตู้ที่มีระบบกรองด้านข้าง ซึ่งจะมีการใช้ปัมพ์น้ำ ในการสูบน้ำ ผ่านระบบกรองข้างตู้ซึ่งจะเป็นบริเวณที่มีการแลกเปลี่ยนกาซเกิดขึ้น ความสามารถในการแลกเปลียนกาซจะขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้<br />2.1 วัสดุกรอง วัสดุกรองที่จะสามารถทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนกาซสูงสุด ต้องมีพื้นผิวที่มากตามไปด้วย แต่พื้นผิวดังกล่าว ต้องเป็นพื้นผิวที่มีพื้นที่ว่างเพียงพอ ที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนกาซ ยกตัวอย่างเช่น ไบโอบอล กับ ปะการังหรือเซรามิคซ์ ถึงแม้ว่า ปะการังจะมีรูพรุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหมายถึงการมีพื้นที่ผิวมากตามไปด้วย ซึ่งจะมีมากกว่าไบโอบอล ในปริมาตรที่เท่ากัน แต่จะเห็นว่า ปะการังนั้น มีรูพรุนขนาดที่เล็กเกินไป ซึ่งเล็กเกินกว่าที่จะมีพื้นที่เพียงพอที่จะให้น้ำและอากาศเข้าไปพร้อมๆกัน ได้ แต่ในไบโอบอล จะเห็นว่า มีพื้นที่กว้างเพียงพอในการแลกเปลี่ยนกาซ ดังนั้นวัสดุกรองทั้งสองอย่างถึงแม้จะมีคุณสมบัติคล้ายๆกัน แต่ก็มีหน้าที่หลักต่างกัน ปะการังหรือเซรามิคซ์ จึงมีหน้าที่หลักในการเป็นที่อาศัยของแบคทีเรีย ในขณะที่ไบโอบอล จะมีหน้าที่หลักในการแลกเปลี่ยนกาซให้กับตู้ปลา<br />2.2 ระยะเวลาที่น้ำสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสูงของชั้นกรอง โดยเฉพาะชั้นไบโอบอล ยิ่งมีความสูงมากเท่าไร ก้อจะมีโอกาสในการแลกเปลียนกาซมากขึ้นเท่านั้น<br />2.3 ความแรงของปัมพ์น้ำ ถ้าปัมพ์น้ำที่ใช้ มีกำลังสูบน้ำสูง จะทำให้น้ำไหลผ่านชั้นกรองได้ในปริมาตรที่มากขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนกาซสูงขึ้นตามไปด้วย<br />2.4 อุณหภูมิ ออกซิเจน มีความสามารถในการละลายในน้ำที่มีอุณหภูมิสูง น้อยกว่าในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 51, 255);">การเพาะเลี้ยงปลาสวยงามในบ่อ</span><br />ปลา สวยงามที่นิยมเพาะเลี้ยงในบ่อนั้นมีหลายชนิดมากมาก จนอาจกล่าวได้ว่าแทบทุกชนิด สมารถเพาะขยายพันธุ์ในบ่อได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ความสะดวกในการทำงาน ความคุ้มทุน ปริมาณปลา เป็นต้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ<br />1) บ่อดิน ปลาที่นิยมเพาะขยายพันธุ์ในบ่อดิน จะเป็นการเพาะแบบวิธีเลียนแบบธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลาแรด ปลาตะพัด โดยปกติแล้ว มักไม่ค่อยมีการให้อากาศเพิ่มเติม แต่เพื่อผลผลิต และคุณภาพน้ำที่ดี เราสามารถทำได้โดยใช้ปัมพ์ลมขนาดใหญ่ ปล่อยลมลงสู่บ่อโดยตรงผ่าน ท่อพีวีซี โดยไม่ต้องมีหัวทราย<br />2) บ่อปูน ปลาที่นิยมเพาะเลี้ยงในบ่อปูนนั้นมีมากมายหลายชนิด นับตั้งแต่ปลาขนาดเล็ก เช่นกลุ่มปลาออกลูกเป็นตัว ปลาทอง ปลากัด ปลาขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เช่น ปลาหมอสี ปลาแฟนซีคาร์พ เป็นต้น การให้อากาศในบ่อปูนนั้น มีหลักการเหมือนกับ การให้อากาศในตู้ปลาในบ่อขนาดเล็ก ซึ่งมีการใช้หัวทรายเป่าลมลงไปโดยตรง หรือ มีระบบกรอง เพื่อกรองของเสียและแลกเปลียนกาซ เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่ในบ่อขนาดใหญ่ ถ้าบ่อมีความลึกมาก จำเป็นต้องใช้สายยางขนาดใหญ่ และหัวทรายที่มีขนาดใหญ่ตามไปด้วยจึงจะมีแรงดันเพียงพอที่จะปล่อยฟองอากาศ ออกมาได้ และ อาจมีการใช้เครื่องสูบน้ำพ่นน้ำจากบ่อขึ้นมาสัมผัสอากาศโดยตรง หรือจะปล่อยในแนวราบเพื่อประโยชน์ในการไหลเวียนน้ำอีกด้วย<br /><br /><a href="http://www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board6&topic=16&action=view">ตัวอย่างการทำกรองใช้เองครับ</a>Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3600563382410379163.post-37663224336939597922009-11-30T23:02:00.001-08:002010-01-25T02:33:51.846-08:00ปลาในตู้ผมเองครับ!!มือใหม่หัดถ่ายครับ ที่จริงแล้วมันก็คงสวยกว่านี้ถ้าไม่ใช่ผมถ่าย- -"<br /><br />ยังไงก็จะถ่ายให้สุดผีมือแล้วกันครับ<br /><br /><br /><br />เดวลงนะถ่ายแปบ - -"Tataezhttp://www.blogger.com/profile/04043210566008268002noreply@blogger.com1